ไขปัญหา รอยแผลเป็นสิว
อัปเดตเมื่อ 23 ส.ค. 2564
รอยแผลเป็นสิวมีกี่แบบ รอยแผลเป็นสิวเกิดจากอะไร แบบไหนเรียกว่ารอยแผลเป็นสิว รอยแผลเป็นสิวมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง อยากรู้ติดตามได้กับหมอไก่ในบทความนี้เลยค่ะ

รอยแผลเป็นสิวคืออะไร
"รอยแผลเป็น" คือ กระบวนการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นการซ่อมแซมผิวจากการบาดเจ็บของผิวหนังบริเวณนั้น สถิติของการเกิดรอยแผลเป็นสิว มากกว่า 30% มักจะเกิดกับสิวระยะที่มีการอักเสบรุนแรง หรือ สิวหัวซิสต์ ค่ะ
รอยแผลเป็นจากสิวมีกี่แบบ
รอยแผลเป็นสิว ออกเป็น 2 ชนิดหลัก ได้แก่
1. รอยแผลเป็นที่หายเองได้ ซึ่งจะเห็นเป็นการเปลี่ยนแปลงของสีผิวบริเวณที่เคยมีการอักเสบของสิวมาก่อน และรอยชนิดนี้สามารถหายได้เองนะคะ โดยจะแบ่งเป็น 3 ปัญหาดังนี้ค่ะ
รอยแดง จะเห็นเป็นวงสีแดงบนผิวหนังที่เคยเป็นสิว

รอยดำ จะเห็นจุดหรือวงสีดำคล้ำ โดยมักจะพบในผู้ที่มีสีผิวคล้ำ

รอยขาว จะเห็นเป็นวงสีขาว
โดยการเกิดรอยแผลเป็นที่มีการเปลี่ยนแปลงของสีผิวนั้น จะสามารถจางลงเองได้ แต่อาจใช้ระยะเวลาหลายเดือนนะคะ
2. รอยแผลเป็นที่ไม่สามารถหายเองได้ สามารถแบ่งได้เป็น 5 แบบด้วยกันค่ะ ได้แก่
รอยแผลเป็นหลุมแบบ Ice-pick scar จะมีลักษณะเป็นรอยหลุมที่แหลมลึกลงไปในผิวหนัง

รอยแผลเป็นหลุมแบบ Rolling scar จะมีลักษณะเป็นรอยหลุมที่มีความลาดลงไปในหลุมจากปากหลุม
รอยแผลเป็นหลุมแบบ Boxcar scar จะมีลักษณะหลุมที่เป็นเหมือนรอยตัดที่ขอบลงไปจากปากหลุม

รอยแผลเป็นชนิดรอยบุ๋ม Atrophic scar จะมีลักษณะเป็นรอยยุบลงไปจากผิวหนัง และมักจะค่อนข้างเรียบ
รอยแผลเป็นชนิดรอยนูน หรือ Hypertrophic scar หรือ คีลอยด์ (Keloid scar) จะมีลักษณะเป็นก้อนนูนบนผิวหนัง

รอยแผลเป็นสิว มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง
1.รอยแผลเป็นชนิดที่หายเองได้ หรือรอยแดง รอยดำ รอยขาว ที่เกิดจากสิว มีวิธีรักษาดังนี้ค่ะ
การป้องกันแสงแดดเป็นประจำทุกวัน จะสามารถช่วยลดปัญหารอยแผลเป็นดังกล่าวได้ โดยควรทาครีมกันแดดที่มีค่า spf 30 ขึ้นไป และควรเลือกชนิดที่ปราศจากน้ำมัน (oil free) ด้วยนะคะ และนอกจากนี้เวลาออกไปสัมผัสกับแสงแดด ควรสวมหมวกปีกกว้าง หรือ ใช้ร่มป้องกันแสงยูวีร่วมด้วยทุกครั้งค่ะ
การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยลดเม็ดสี เช่น Azelaic acid ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดเม็ดสี และลดปัญหาสิวได้ด้วย , การใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มวิตามินเอ เช่น Retinoic acid หรือ Adapalene
การผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้ เช่น AHA , BHA หรือ PHA แต่ต้องระวังการระคายเคืองผิวด้วยนะคะ
การกรอผิว (Microdermabrasion) มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว และลดปัญหาสิวอุดตัน สามารถลดปัญหารอยดำจากสิว
การรักษาด้วย IPL (Intense Pulse Light) โดยแสงที่มีความยาวคลื่น 430-530 นาโนเมตร สามารถลดปัญหารอยแดง รอยดำจากสิว และสามารถลดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวได้ด้วย
การรักษาด้วย Mesowhite ช่วยลดปัญหารอยดำจากสิว
เมโสไวท์ คืออะไร (คลิกอ่านต่อ)
การรักษาด้วยเลเซอร์ เช่น Q-switch NdYag หรือ Erbium เลเซอร์
2. รอยแผลเป็นชนิดที่ไม่หายได้เอง
รอยแผลเป็นชนิด Ice-pick scar หรือ Boxcar scar สามารถรักษาด้วยวิธีดังนี้ค่ะ
การรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อผลัดเซลล์ผิว
การรักษาด้วยวิธีเซาะพังผืด (Subcision) เป็นวิธีในการใช้เข็มชนิดพิเศษ ช่วยเลาะพังผืดที่ยึดดึงรั้งรอยหลุมให้หลุดออก ช่วยทำให้รอยหลุมดีขึ้น ควบคู่กับการรักษาวิธีอื่น
การรักษาด้วยกรด TCA ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวให้เรียบเนียนขึ้น
การรักษาด้วย Punch graft
การรักษาด้วยการผ่าตัดรอยแผลเป็น
รอยแผลเป็นชนิด Rolling scar หรือ Atrophic scar
การรักษาด้วยสารเติมเต็ม หรือ ฟิลเลอร์ เช่น HA ฟิลเลอร์
การรักษาด้วยเทคนิค microneedling โดยเป็นเทคนิคในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังโดยใช้เข็มเล็กๆไปสร้างรอยแผลเล็กๆใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้มีการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังขึ้นมาใหม่

การรักษาด้วย Skin Booster
สกินบูสเตอร์ คืออะไร (คลิกอ่านต่อ)
การรักษาด้วยเลเซอร์ (Ablative Fractional laser)
รอยแผลเป็นนูน หรือ คีลอยด์
การรักษาด้วยการทายาสเตียรอยด์
การรักษาด้วยการฉีดยาสเตรียรอยด์เข้าไปในรอยนูน
การแปะซิลิโคนเจล ช่วยทำให้รอยนูนนิ่มลง
การผ่าตัด

โดยปกติแล้วรอยแผลเป็นมักจะมีหลายแบบเกิดขึ้นได้ในคนไข้รายเดียวกัน ดังนั้นการรักษารอยแผลเป็นจึงจำเป็นต้องวิธีการรักษาหลากหลายวิธีควบคู่กัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ถ้าถามว่าวิธีไหนเป็นการรักษารอยแผลเป็นที่ดีที่สุดแล้ว ในความเห็นของหมอก็คือ "การป้องกันการเกิดสิว และควบคุมสิวไม่ให้เกิดการอักเสบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นนั่นเองค่ะ"
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ นัดหมายปรึกษาได้ทาง
โทร 024260096
facebook : https://web.facebook.com/ssbclinic
LINE : https://lin.ee/UFj6Sw8